ประเทศเบลเยียม เป็นดินแดนในฝันของผู้ที่หลงใหลในช็อกโกแลตอย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะเดินไปที่ไหนในเมือง คุณจะพบกับร้านช็อกโกแลตที่มีให้เลือกมากมาย จนแทบจะเรียกว่าเป็น “สวรรค์ของช็อกโกแลต” เลยทีเดียว ช็อกโกแลตที่นี่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ไม่เพียงเพราะรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังรวมถึงความพิถีพิถันในการผลิตที่สืบทอดกันมายาวนาน
อีกสิ่งหนึ่งที่นึกถึงเมื่อพูดถึงเบลเยียมคือเบียร์ ประเทศนี้ขึ้นชื่อเรื่องเบียร์มากมาย หลากหลายสไตล์ให้เลือกดื่ม มีให้เลือกมากกว่า 400 ชนิด แฟนเบียร์ทั้งหลายถ้าได้มาเยือนแล้ว ไม่ลองถือว่าพลาดมากเลย เบียร์เบลเยียมมีความหลากหลายทั้งรสชาติและวิธีการผลิต เป็นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวควรจะลองอย่างน้อยสักครั้ง
นอกจากเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มแล้ว เบลเยียมยังมีสถาปัตยกรรมที่งดงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อีกด้วย เมืองหลายแห่งในประเทศได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองบรูจส์ (Bruges) ที่เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สวยงาม และกรุงบรัสเซลส์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างยุคเก่าและใหม่อย่างลงตัว สำหรับคนที่หลงใหลในประวัติศาสตร์และศิลปะ การมาเยือนเบลเยียมจะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจได้อย่างแน่นอน
เที่ยวกรุงบรัซเซลส์ (Brussel)
กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศเบลเยียม ไม่ได้มีแค่บทบาทสำคัญในฐานะส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป (EU) แต่ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย ด้วยประชากรกว่า 2,000,000 คน บรัสเซลส์มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่รอให้ผู้มาเยือนได้สำรวจ
ที่นี่นอกจากจะขึ้นชื่อในฐานะศูนย์กลางการเมืองยุโรปแล้ว บรัสเซลส์ยังมีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องของช็อกโกแลตและเบียร์ที่ดีที่สุด นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความหวานของช็อกโกแลตและรสชาติเบียร์ชั้นยอดจะต้องหลงรักเมืองนี้อย่างแน่นอน เรียกได้ว่าหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของช็อกโกแลตและเบียร์แล้ว การมาเยือนบรัสเซลส์จะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
เที่ยวทะเลสาบมินนีวอเตอร์ (Minnewater)
ทะเลสาบมินนีวอเตอร์ หรือที่เรียกว่า “ทะเลสาบแห่งรัก” เป็นสถานที่สุดแสนโรแมนติกที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนกับคนที่คุณรักหรือครอบครัว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบรูจส์ (Bruges) แต่กลับมีบรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่น ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหลบหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ที่นี่มีบ้านเรือนริมน้ำเรียงรายอย่างสวยงาม คล้ายกับหอคอยขนาดเล็ก และมีต้นวิลโลว์ที่ลู่ลมพริ้วไหว สร้างบรรยากาศอันงดงามและน่าหลงใหล ทำให้ผู้คนมากมายต่างพากันมาที่นี่เพื่อสัมผัสกับความโรแมนติก
ทะเลสาบมินนีวอเตอร์ยังมีตำนานความรักอันน่าเศร้าของหญิงสาวชื่อ Minna ซึ่งหลงรักกับนักรบชื่อ Stromberg แต่ความรักของพวกเขาถูกขัดขวางจากพ่อของ Minna ที่ต้องการให้เธอแต่งงานกับชายอื่น เธอจึงหนีออกจากบ้านไปในป่าลึก Stromberg ได้ออกตามหาเธอ แต่พบเธอในสภาพหมดแรง และเสียชีวิตในอ้อมแขนของเขา ตำนานนี้ทำให้ทะเลสาบถูกตั้งชื่อตาม Minna เพื่อเป็นเกียรติแก่ความรักที่ยิ่งใหญ่ของเธอ ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในบรูจส์
อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองบรูจส์ คือ หงส์ ซึ่งสามารถพบได้ที่ทะเลสาบมินนีวอเตอร์ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน สถานที่แห่งนี้มักจะถูกใช้จัดคอนเสิร์ตกลางแจ้งอย่างสม่ำเสมอ แต่ในช่วงฤดูหนาว ทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งและต้นไม้บริเวณรอบๆ ก็จะถูกปกคลุมด้วยหิมะ เป็นภาพที่งดงามอย่างเหลือเชื่อ สร้างความทรงจำที่ยากจะลืมได้
เที่ยวมงส์ (Mons)
เมืองมงส์ (Mons) เป็นเมืองหลวงเล็กๆ ของมณฑลแอโนในประเทศเบลเยียม มีประชากรประมาณ 95,000 คน แม้จะเป็นเมืองขนาดเล็ก แต่ก็เต็มไปด้วยความโดดเด่นด้านศิลปะและวัฒนธรรม ด้วยการวางแผนพัฒนาในปี 2015 เมืองนี้ถูกโปรโมทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จนกระทั่งได้รับเลือกเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปในปีเดียวกัน ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ ทำให้ชื่อเสียงของเมืองมงส์เริ่มแพร่หลายอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนเมื่อมาถึงเมืองมงส์ คือ Belfry of Mons หอระฆังทรงสี่เหลี่ยมที่สร้างด้วยอิฐถึง 459,000 ก้อน หอระฆังแห่งนี้มีความสูง 87 เมตร และภายในมีระฆังแขวนถึง 49 ใบ หอระฆังนี้เป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองมงส์ และได้รับการยกย่องเป็นมรดกทางวัฒนธรรมโดยยูเนสโก หากได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของหอระฆัง คุณจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองมงส์แบบเต็มตา
Belfry of Mons เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 18.00 น. ใครที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม จะต้องหลงรักความงดงามของหอระฆังแห่งนี้อย่างแน่นอน
เที่ยวทัวร์เน (Tournai)
เมืองทัวร์เน (Tournai) หรือ Doornik ในภาษาดัตช์ เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศเบลเยียม มีบทบาทสำคัญในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ทัวร์เนตั้งอยู่ในเขต Walloon ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ประมาณ 85 กิโลเมตรทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่หลงใหลในสถาปัตยกรรมโบราณและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน
สถานที่สำคัญของเมืองทัวร์เนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก คือ มหาวิหารโนเทรอดาม (Notre-Dame Cathedral) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 ตัวอาคารแสดงสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ผสมผสานกับหอคอยขนาดใหญ่สไตล์โกธิคที่ตั้งเรียงกันถึง 5 หลัง ภายในมหาวิหารถูกประดับด้วยกระจกสีแบบโมเสกอย่างงดงาม นอกจากนี้ยังมีภาพวาดโบราณและจิตรกรรมฝาผนังที่มีอายุกว่า 700 ปี ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมความงดงามทางศิลปะที่ไม่ควรพลาด
หอระฆัง (Belfry of Tournai) ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือน หอระฆังแห่งนี้มีความสูงถึง 72 เมตร และถือว่าเป็นหอระฆังที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเบลเยียม ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก การขึ้นไปยังจุดสูงสุดของหอระฆัง จะทำให้คุณได้สัมผัสวิวที่สวยงามของเมืองทัวร์เนแบบ 360 องศา เป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดหากมาเยือนเมืองนี้
เที่ยวบรูจส์ (Bruges)
เมืองบรูจส์ (Bruges) เมืองหลวงของเขตฟลานเดอร์ในเบลเยียม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรม เมืองนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคแบบดั้งเดิมและมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมของยุโรป ความงดงามของลำคลองที่เชื่อมโยงกันทั่วเมือง ทำให้บรูจส์ได้รับสมญานามว่า “เวนิสแห่งภาคเหนือ” (The Venice of the North) การเดินทางผ่านคลองในบรูจส์จึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติกของเมืองนี้
หนึ่งในสถานที่สำคัญที่ต้องเยือนเมื่อมาถึงบรูจส์ คือ หอระฆัง Belfry & Halle หอระฆังนี้เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมือง ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัสหลัก นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองบรูจส์ได้จากด้านบน นอกจากนี้ภายในอาคารยังมีการจัดนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของเมือง และบริเวณรอบๆ ยังมีร้านค้าเรียงรายมากมาย ทำให้บริเวณนี้คึกคักด้วยผู้คนที่มาเยี่ยมชม
อีกหนึ่งสถานที่ที่สะท้อนถึงความงดงามทางศิลปะและสถาปัตยกรรมของบรูจส์ คือ Basilica of the Holy Blood โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในสไตล์ผสมผสานระหว่างโรมาเนสก์และโกธิค มีตำนานว่าในโบสถ์นี้เก็บรักษาเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดและอัฐิของพระเยซูคริสต์ ภายในโบสถ์ประดับด้วยภาพวาดเรื่องราวของพระเยซู และมีแท่นบูชาสีทองประดับด้วยอัญมณีที่สวยงามเป็นจุดศูนย์กลางของสถานที่ ความงามของโบสถ์แห่งนี้ทำให้เป็นที่นิยมทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวและนักแสวงบุญ
เที่ยวเกนต์ (Ghent)
เมืองเกนต์ (Ghent) เป็นเมืองที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมยุคกลางและสมัยใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว คุณจะได้เห็นโบสถ์ อนุสาวรีย์ และพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีมาตั้งแต่สมัยโบราณ วิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำ Leie และ Scheldt ยังสร้างบรรยากาศที่งดงามจนได้รับการกล่าวขานว่าเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาด
หนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองเกนต์ที่ควรไปเยือน คือ Belfry of Ghent หอระฆังที่สูงตระหง่านและเป็นเอกลักษณ์ของเมือง ถูกสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 14 ในอดีตหอระฆังนี้ใช้เพื่อการศาสนาและเป็นหอสังเกตการณ์ แต่ต่อมาได้ถูกใช้เพื่อการประกาศเหตุการณ์สำคัญ เช่น การเปิดตลาด การเตือนภัย และการบอกเวลา ทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวสามารถชมความงดงามของเมืองเกนต์จากบนยอดหอระฆัง พร้อมฟังเสียงระฆังกว่า 50 ใบ ดังก้องทั่วเมือง เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ของเมืองเกนต์ คือ ปราสาท Gravensteen ปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในแฟลนเดอร์ ปราสาทนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและคูเมืองเพื่อป้องกันศัตรูในสมัยก่อน ที่นี่เคยถูกใช้เป็นสำนักงานศาลและคุก ปัจจุบันถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงอาวุธที่เคยใช้ในสงคราม และอุปกรณ์ที่เคยใช้ในการทรมานนักโทษในสมัยนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและศึกษาประวัติศาสตร์ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 18.00 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 10 ยูโร
ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 7 ยูโร
นักเรียน/นักศึกษาอายุ 19 – 25 ปี 6 ยูโร
และฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 19 ปี
เที่ยวแอนต์เวิร์ป (Antwerp)
เมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp) เป็นเมืองหลวงอันดับสองรองจากกรุงบรัสเซลส์ และเป็นศูนย์กลางการค้าเพชรระดับโลก เพชรกว่า 70% ของโลกถูกซื้อขายกันในเมืองนี้เลยทีเดียว นอกจากเรื่องเพชร แอนต์เวิร์ปยังเป็นที่รู้จักในด้านแฟชั่นแนวอาว็อง-การ์ด และสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่งดงามอีกด้วย
การเดินทางมาเยือนแอนต์เวิร์ป คุณจะได้พบกับบรรยากาศคึกคักที่ตลาด Grote Markt ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านค้า ขนมหวานแสนอร่อย และร้านขายช็อกโกแลตมากมาย ผู้มาเยือนสามารถเดินชมความงามของศาลากลางเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของตลาด เป็นอาคารสไตล์เรเนสซองส์ที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมเฟลมิชและอิตาเลียนอย่างลงตัว หากได้เดินชมยามพระอาทิตย์ตกดิน ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่างออกมาจากตัวอาคาร จะทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกมาก เหมาะกับการทานอาหารค่ำหรือเดินเล่นกับคนรัก
นอกจากนี้ อย่าพลาดเยี่ยมชม Cathedral of Our Lady โบสถ์สไตล์โกธิคที่สูงที่สุดในเบลเยียม โบสถ์แห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องความงดงามอลังการ ทั้งด้านตัวโบสถ์ ซุ้มประตู และรูปปั้นต่างๆ ด้านในยังจัดแสดงผลงานศิลปะของ Peter Paul Rubens ศิลปินชื่อดังชาวแอนต์เวิร์ป เปิดให้ผู้หลงใหลในงานศิลปะเข้าชมเพื่อสัมผัสกับความสวยงามสุดประทับใจ
เที่ยว Leuven
เมือง Leuven เป็นเมืองหลวงของ Flemish Brabant ตั้งอยู่ห่างจากกรุงบรัสเซลส์เพียง 25 กิโลเมตร และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการศึกษาและสถาปัตยกรรมอันสวยงาม หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของเมืองนี้คือมหาวิทยาลัย Katholieke Universiteit Leuven ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยคาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในเบลเยียมและติดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก การเดินเข้าไปในเขตมหาวิทยาลัยนั้น นักท่องเที่ยวจะพบกับอาคารสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และงดงาม ซึ่งเปิดให้ผู้คนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ทุกวัน
เมื่อมาเยือน Leuven สถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดคือ The Stadhuis (Town Hall) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมโกธิคที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 30 ปี อาคารนี้มีความโดดเด่นจากการประดับด้วยรูปปั้นแกะสลักจำนวน 236 รูป ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว และบริเวณรอบๆ ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย เหมาะกับการเดินเล่นและสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกในยามค่ำคืน
อีกหนึ่งสถานที่ที่สำคัญคือโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Church) ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค โบสถ์นี้มีเสาสูงและหน้าต่างทรงแหลมที่เป็นเอกลักษณ์ ภายในมีการจัดแสดงภาพวาดที่มีชื่อเสียง แต่ผู้เข้าชมจะต้องจ่ายค่าเข้าชมเล็กน้อย ซึ่งเป็นค่าเข้าชมส่วนจัดแสดงภาพวาดที่มีราคา 3 ยูโร โบสถ์เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 16.30 น.
Leuven เป็นเมืองที่ผสมผสานความงดงามของสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เหมาะสำหรับการเดินทางมาเยือนเพื่อสัมผัสทั้งความรู้และศิลปะในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์