มาเก๊าเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายจริง ๆ ค่ะ นอกจากคาสิโนที่มีชื่อเสียงแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น สถาปัตยกรรมโบราณที่สะท้อนความเป็นจีนและยุโรป วัดวาอารามที่สวยงาม และสวนสาธารณะที่เงียบสงบ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การชมการแสดงของโชว์ที่มีชื่อเสียง หรือการลิ้มลองอาหารท้องถิ่นที่หลากหลาย ถ้าอยากแนะนำสถานที่หรืองานกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปมาเก๊า บอกได้เลยค่ะ!
เที่ยวประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St Paul’s)
โบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมาเก๊าและเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคนี้ ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือนเมื่อเดินทางถึงมาเก๊า การเดินขึ้นบันไดที่นำไปสู่ซากอาคารของโบสถ์เซนต์ปอลเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น โดยบันไดที่ลาดชันนั้นนำไปสู่ซากประตูโบสถ์ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเนิน มองขึ้นไปก็จะเห็นซากโบสถ์ที่ยังคงมีความงดงามอยู่ ถึงแม้ว่าอาคารหลักจะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่การเห็นส่วนหน้าของโบสถ์นั้นให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต
ประตูโบสถ์ถูกออกแบบในสไตล์ตะวันตก มีเสาโรมันที่สูงตระหง่านและมีการแกะสลักที่ละเอียดประณีต รูปปั้นต่างๆ ของนักบุญและสัญลักษณ์ทางศาสนา เช่น รูปปั้นพระแม่มารีย์และพระเยซู ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และประวัติศาสตร์อันยาวนาน นอกจากนี้ โบสถ์เซนต์ปอลยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นโบสถ์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียในสมัยนั้น และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสำหรับสอนศาสนาแห่งแรกในดินแดนตะวันออก แม้ว่าจะมีการเกิดเพลิงไหม้ที่ทำลายโบสถ์ถึงสามครั้ง แต่ความงดงามและความสำคัญของมันก็ยังคงถูกจดจำ
ถ้าเดินผ่านประตูโบสถ์เซนต์ปอลไปที่ด้านหลัง คุณจะพบกับพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาที่จัดแสดงภาพวาด ภาพเขียน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา ที่นี่ไม่เพียงแค่ให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของศาสนาในประวัติศาสตร์ของมาเก๊า แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่หลากหลายอีกด้วย
ในพิพิธภัณฑ์ยังมีหลุมฝังศพของบาทหลวงวาลิควาโน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโบสถ์เซนต์ปอล รวมถึงโครงกระดูกของชาวคริสต์ญี่ปุ่นและเวียดนามที่เสียชีวิตในขณะที่เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ เป็นการสะท้อนถึงเหตุการณ์สำคัญในอดีตที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนศาสนาในมาเก๊า
พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 18.00 น. ยกเว้นวันอังคาร ซึ่งเป็นโอกาสดีที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโบสถ์เซนต์ปอลและศาสนาคริสต์ในมาเก๊า การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นี้จะทำให้คุณได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของโบสถ์ในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองนี้มากยิ่งขึ้น!
เที่ยวเซนาโด สแควร์ (Senado Square)
เซนาโด สแควร์ (Senado Square) เป็นจตุรัสใจกลางเมืองมาเก๊าที่มีความสำคัญและเป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นย่านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่มีเสน่ห์ และสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างโปรตุเกสและวัฒนธรรมจีนอย่างลงตัว ด้วยการรักษาสภาพเดิมของตึกและอาคารต่างๆ ที่นี่จึงมีความสวยงามและโดดเด่น
พื้นที่ทั้งหมดของเซนาโด สแควร์มีขนาด 3,700 ตารางเมตร และในปี 2005 ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ยืนยันถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสถานที่นี้ นอกจากนี้ ทางเดินต่างๆ ยังถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องและหินโมเสคหลากสี ที่มีลวดลายคล้ายคลื่นทะเล เพิ่มบรรยากาศที่น่าสนใจให้กับการเดินเที่ยวชม
สำหรับใครที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง เซนาโด สแควร์ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาด เพราะที่นี่มีร้านค้าแบรนด์เนม ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และร้านอาหารชื่อดังจำนวนมาก เปิดอยู่ทั้งสองข้างทาง นอกจากนี้ยังมีขนมอร่อยๆ ที่รอให้คุณได้ลิ้มลอง ทุกแบรนด์ยกกันมาที่นี่และยังมีการลดราคาอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งปี นับเป็นที่ที่คึกคักตลอดทั้งวัน ร้านค้าส่วนมากจะเปิดตั้งแต่ 10.00 น. จนถึง 21.00 น. เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการเดินเที่ยวและสัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
กลางเซนาโด สแควร์มีลานน้ำพุที่เป็นจุดพักผ่อนยอดนิยมของผู้คนที่มาเยือน โดยที่กลางสระมีลูกโลกโลหะตั้งอยู่ ซึ่งสื่อถึงการหลอมรวมกันของอารยธรรมตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัว จุดนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่คนมักจะมาถ่ายรูปและสร้างความทรงจำที่ดี
นอกจากนี้ ลานน้ำพุยังเป็นสถานที่จัดการแสดงและกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญของเมืองที่มักจะมีการเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนาน การมีน้ำพุกลางจัตุรัสเพิ่มบรรยากาศให้กับการเดินเล่น ทำให้ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่ยังเป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางสังคมที่เชื่อมโยงคนในชุมชนและนักท่องเที่ยวได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วยค่ะ
เที่ยวเวเนเชี่ยน (The Venetian Macao)
เวเนเชี่ยนเป็นศูนย์รวมความบันเทิงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในมาเก๊า และยังถือเป็นอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยใหญ่ที่สุดในเอเชีย เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ที่นี่ไม่เพียงแค่มีโซนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ยังมีโรงแรมหรู 5 ดาวที่กว้างขวางที่สุดในเอเชีย โดยมีความกว้างถึง 980,000 ตารางเมตร สูง 40 ชั้น และมีห้องพักถึง 3,000 ห้อง
ในเวเนเชี่ยนยังมีโซนห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่มีแบรนด์ระดับโลกมากมาย โดยแต่ละโซนจะถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน แต่สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและการตกแต่งที่มีเสน่ห์เหมือนเมืองเวนิส ทำให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่การเดินเล่นบนสะพานน้ำไปจนถึงการเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและการรับประทานอาหารในร้านอาหารหรูหรา
เวเนเชี่ยนจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนมาเก๊า ไม่ว่าจะเป็นนักพนันที่มาหาความตื่นเต้น หรือคนที่ต้องการใช้เวลาพักผ่อนและสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
โซนห้างสรรพสินค้า Grand Canal Shoppes ที่เวเนเชี่ยนเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่หรูหราที่สุดในมาเก๊า ด้วยร้านค้าหลากหลายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในโลกของโดเรม่อน มีสินค้าปลอดภาษีกว่า 850 ร้าน และแบรนด์เนมกว่า 40 แบรนด์ โดยทุกร้านมีโปรโมชั่นสุดพิเศษตลอดทั้งปี
การตกแต่งของ Grand Canal Shoppes มีความสวยงามสไตล์เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี โดยมีคลองที่ไหลผ่านกลางทางเดินและบริการเรือพายกอนโดล่า (Gondola) ที่ให้คุณได้นั่งไปวนรอบ พร้อมสัมผัสบรรยากาศชิลๆ ที่มาพร้อมกับการร้องเพลงจากคนพาย เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร!
ส่วนบนเพดานก็ถูกทาสีให้เหมือนท้องฟ้าจริงๆ ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้อยู่ในเมืองเวนิสแบบแท้จริง เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ร้านค้าและภัตตาคารจะเปิดตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 22.00 น. เท่านั้น นับเป็นสถานที่ที่ควรแวะไปเมื่อมาเที่ยวมาเก๊า
เที่ยววัดอาม่า (A Ma Temple)
วัดอาม่า (A-Ma Temple) เป็นสถานที่สำคัญและมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1488 ก่อนที่เมืองมาเก๊าจะเกิดขึ้นเสียอีก ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในมาเก๊า วัดนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับเทพธิดาแห่งท้องทะเล โดยมีการผสมผสานของศาสนาพุทธ ลัทธิขงจื้อ ลัทธิเต๋า และความเชื่อพื้นบ้าน ทำให้วัดอาม่าเป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนมานาน
มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจเกี่ยวกับการตั้งชื่อเมืองมาเก๊าว่า ชื่อมาจากตำนานของหญิงสาวชาวฟูเจียนชื่อหลิงม่า ที่มีปาฏิหาริย์สามารถข้ามทะเลได้โดยรอดพ้นจากพายุ ชาวประมงเชื่อว่าเธอคือเทพธิดาแห่งท้องทะเล จึงตั้งชื่อบริเวณนั้นว่า A-Ma Goa (อ่าวของอาม่า) ซึ่งต่อมาเพี้ยนมาเป็นชื่อมาเก๊าในปัจจุบัน
ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ ประกอบด้วยวิหารต่างๆ เช่น ซุ้มประตูแห่งการรำลึก หอสวดมนต์ และหอเจ้าแม่กวนอิม ที่นี่มีการแกะสลักก้อนหินขนาดใหญ่เป็นรูปเรือสำเภาโบราณ ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดที่อาม่าก้าวเท้าเหยียบดินแดนมาเก๊า ใครที่ต้องการโชคลาภสามารถลูบเงินไปตามรูปสลักเรือและนำกลับไปได้ ถือเป็นการนำโชคและความร่ำรวยกลับมา
วัดอาม่าเป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปเยือน หากคุณมีโอกาสไปเที่ยวมาเก๊า อย่าลืมแวะไปกราบไหว้เทพธิดาแห่งท้องทะเลที่นี่นะคะ
เที่ยวหอคอยมาเก๊า (Macau Tower)
หอคอยมาเก๊า (Macau Tower) เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดในเมือง ที่นี่ไม่เพียงแต่มีความสูง 338 เมตร ซึ่งทำให้เป็นหอคอยที่สูงอันดับที่ 8 ในเอเชียและอันดับที่ 10 ของโลก แต่ยังมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นออกแบบโดย Gordon Moller ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของมาเก๊า เมื่อคุณขึ้นไปที่จุดชมวิว (Observation Deck) บนชั้น 58 ซึ่งมีความสูง 223 เมตร คุณจะได้สัมผัสกับวิวที่สวยงามแบบพาโนราม่า 360 องศา ทั้งเมืองและทะเลรอบๆ บริเวณนั้น การขึ้นไปที่นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น เพราะลิฟท์กระจกใสจะพาคุณขึ้นไปชมวิวระหว่างทางอย่างเพลิดเพลิน
ไฮไลท์ของจุดชมวิวคือแผ่นกระจกใสที่มองเห็นพื้นดินด้านล่าง ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่กลางอากาศ มันจะทำให้หัวใจของคุณเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ราวกับได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างการพบรักครั้งแรกเลยทีเดียว! นอกจากจุดชมวิวแล้ว หอคอยมาเก๊ายังมีร้านค้า ภัตตาคาร โรงภาพยนตร์ และโรงละคร ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงที่ครบวงจร ไม่ว่าคุณจะต้องการช็อปปิ้ง รับประทานอาหาร หรือเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ ที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลาย สนุกสนานและน่าจดจำแน่นอน
การชมวิวของเมืองมาเก๊าแบบเต็มตาจะต้องที่หอคอยมาเก๊า ที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 8 ของเอเชียและอันดับที่ 10 ของโลก โดยมีความสูงจากพื้นถึงยอดหอคอยถึง 338 เมตร เปิดตัวในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2001 และออกแบบโดย Gordon Moller ที่สร้างสรรค์รูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงามจนกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของมาเก๊า
ภายในหอคอยมีแหล่งช็อปปิ้งและความบันเทิงมากมาย รวมถึงร้านค้าชื่อดัง ห้องประชุม ภัตตาคาร และโรงภาพยนตร์ ไฮไลท์อยู่ที่จุดชมวิวบนชั้น 58 ที่มีความสูง 223 เมตร ซึ่งสามารถขึ้นไปโดยลิฟต์กระจกใสที่รวดเร็ว ในระหว่างการขึ้นเราจะได้ชมวิวทิวทัศน์แบบพาโนราม่า 360 องศา
สำหรับผู้ที่ชอบความท้าทาย สามารถลองกิจกรรมที่ Outdoor Adventure View Deck บนชั้น 61 ซึ่งมี Skywalk ที่ให้เราเดินไปบนทางเดินกระจกรอบนอกหอคอยที่สูง 216 เมตร พร้อมโพสท่าถ่ายรูปสุดเสียว และยังมีกิจกรรมกระโดดบันจีจัมพ์ที่เป็นจุดกระโดดที่สูงที่สุดในโลกที่ความสูง 223 เมตร นอกจากนี้ยังมี Tower Climb ที่ให้เราได้ปีนขึ้นไปถึงยอดหอคอยเองที่ความสูง 338 เมตร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการปีนและลง ใครที่ชอบความท้าทายควรไปลองดูนะคะ
พิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังปรีซ์ (Grand Prix Museum)
สำหรับผู้ที่หลงใหลในความเร็วและรถแข่ง พิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังปรีซ์เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 และรวบรวมรถแข่งรุ่นต่างๆ ที่ใช้ในการแข่งขันจริง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งช่วยให้เราได้เห็นการพัฒนาของรถแข่งในแต่ละช่วงเวลา
ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์นี้ต้องยกให้กับ Formula 1 ซึ่งเป็นรถในตำนานที่ทุกคนต้องนึกถึงเมื่อพูดถึงการแข่งรถ นอกจากรถแข่งแล้ว ยังมีการจัดแสดงรูปภาพ วิดีโอ ถ้วยรางวัล และของสะสมต่างๆ เกี่ยวกับงานกรังปรีซ์ ทำให้เราสามารถรับรู้ถึงประวัติศาสตร์และความสำเร็จของวงการนี้ได้อย่างลึกซึ้ง
ทุกเดือนพฤศจิกายน ถนนรอบพิพิธภัณฑ์จะถูกเปลี่ยนเป็นสนามแข่งรถกรังปรีซ์ โดยมาเก๊ามีการจัดการแข่งขันนี้มายาวนานกว่า 60 ปีแล้ว การแข่งขันรถกรังปรีซ์นี้ถือเป็นงานกีฬานานาชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้สนใจจากทั่วโลก มันจึงไม่ใช่แค่การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ แต่ยังได้สัมผัสประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและพบกับนักแข่งชื่อดังที่เข้าร่วมการแข่งขันอีกด้วย!
เที่ยวรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์เจ้าแม่กวนอิม (Kun Iam Ecumenical Centre)
การไปกราบไหว้รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีทองที่ตั้งอยู่ริมทะเลเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก รูปปั้นสูงกว่า 20 เมตร สร้างจากทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์และตั้งอยู่บนฐานดอกบัว 16 กลีบ ซึ่งไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังมีความหมายทางศาสนาและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ด้านล่างฐานดอกบัวยังมีห้องสำหรับจัดเลี้ยงและเคาน์เตอร์ของที่ระลึกในชั้นแรก ขณะที่ชั้นที่สองมีห้องนั่งสมาธิและห้องสมุดที่รวบรวมคำสอนต่างๆ จากพุทธศาสนา และยังมีบริการอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์สื่อมีเดียที่สามารถเสริมความรู้ได้
รูปปั้นนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญจากโปรตุเกสให้จีนเมื่อส่งมอบแผ่นดินมาเก๊าคืน โดยมีการผสมผสานระหว่างงานปั้นของพระแม่มารีกับองค์เจ้าแม่กวนอิมในชุดจีนโบราณที่สวยงามและมีเสน่ห์ นอกจากนี้ยังมีการวางฮวงจุ้ยที่สำคัญ โดยรูปปั้นหันหลังให้ทะเลและหันหน้าเข้าหาเมือง เพื่อแสดงถึงการดูแลรักษาเมือง ระหว่างทางเดินไปยังองค์เจ้าแม่ เราจะพบกับสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นการเสริมฮวงจุ้ย เช่น รูปเลข 8 และดวงตาสวรรค์ ที่สามารถอธิษฐานขอพรและรับพลังจากจุดเหล่านี้ได้ ซึ่งจะช่วยนำโชคดีและความเจริญรุ่งเรืองมาให้ นอกจากนี้ยังมีวิวตึกสูงเรียงรายที่ทำให้บรรยากาศน่าประทับใจ เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ทั้งได้รูปสวยและได้บุญไปพร้อมๆ กัน
เที่ยวโบสถ์เซนต์ดอมินิก (Macau St. Dominic’s Church)
โบสถ์เซนต์ดอมินิกเป็นสถานที่ที่มีความงดงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ที่ตั้งอยู่กลางย่านเซนาโด สแควร์ มีอายุเกิน 433 ปีและมีสถาปัตยกรรมแบบบาโรกที่สวยงาม ทำให้เป็นจุดสนใจที่สะดุดตา นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาอย่างแน่นอน โบสถ์ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1587 โดยบาทหลวงชาวสเปนสามองค์ที่เดินทางมาจากเม็กซิโก มีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างสไตล์โปรตุเกส สเปน และท้องถิ่นมาเก๊า ซึ่งเรียกว่า มาคาเนซี่ (Macanese) การตกแต่งภายนอกด้วยสีเหลืองพาสเทลและประตูหน้าต่างสีเขียวน้ำทะเลนั้นสร้างความโดดเด่นให้กับโบสถ์
ภายในโบสถ์มีรูปปั้นของพระแม่มารีและพระบุตรที่ได้รับการขนาบข้างด้วยรูปปั้นของนักบุญอื่น ๆ ซึ่งมีการแกะสลักด้วยไม้และงาช้างที่ละเอียดอ่อน ทั้งนี้ โบสถ์เซนต์ดอมินิกได้รับการยกย่องว่ามีศิลปกรรมทางศาสนาที่งดงามที่สุดในมาเก๊า และเป็นหนึ่งใน 29 แห่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกในปี ค.ศ. 2005 นอกจากนี้ โบสถ์แห่งนี้ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเคยใช้เป็นสถานที่ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ภาษาโปรตุเกสฉบับแรกบนแผ่นดินจีนอีกด้วย นับเป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสความงามและประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งของมาเก๊า
โบสถ์เซนต์ดอมินิกยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจชื่อว่า The Treasure of Sacred Art Museum ซึ่งตั้งอยู่ภายในหอระฆังของโบสถ์ เป็นสถานที่ที่จัดแสดงโบราณวัตถุและงานศิลปะทางศาสนาคริสต์ที่มีคุณค่ามากมาย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ถึงศตวรรษที่ 19 ภายในพิพิธภัณฑ์มีวัตถุที่ทำจากทองคำ รูปปั้น เครื่องประดับ และภาพวาดจำนวนกว่า 300 รายการ ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ฟรี ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการสัมผัสศิลปะและวัฒนธรรมทางศาสนาของมาเก๊า การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์และศิลปกรรมของคริสต์ศาสนาในภูมิภาคนี้ แต่ยังเป็นการเพิ่มมิติให้กับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความรู้และแรงบันดาลใจในงานศิลปะอีกด้วย
ในทุกวันที่ 13 พฤษภาคมของทุกปี โบสถ์เซนต์ดอมินิกจะจัดงานเลดี้ฟาติมา (Fatima’s statue) เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญและทำพิธีให้กับองค์พระแม่ฟาติมา ในงานนี้ ผู้หญิงชาวคาทอลิกจะแต่งตัวด้วยชุดโทนสีขาว และเดินแบกรูปปั้นของแม่พระฟาติมา จากโบสถ์เซนต์ดอมินิกไปยังโบสถ์แม่พระเพนญ่า
งานนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมมากมาย ทั้งนักท่องเที่ยวและชาวคาทอลิกที่ศรัทธาต่อพระแม่มารีย์ การเดินขบวนนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงถึงความเชื่อ แต่ยังเป็นโอกาสให้ทุกคนได้มารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองและแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวช่วงนี้ อย่าลืมแวะมาสัมผัสบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าประทับใจนี้นะคะ
เที่ยวอุทยานแพนด้ายักษ์ (Giant Panda Pavilion)
สวน Seac Pai Van Park ฟังดูเป็นสถานที่น่าสนใจมากเลย! การได้เห็นแพนด้ายักษ์ในบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติแบบนี้น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม และที่น่าสนใจคือการมีศูนย์ข้อมูลแพนด้าและร้านของที่ระลึกด้วยนะ น่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพนด้าและสัตว์ต่างๆ อีกเพียบเลย ถ้าหญิงปุ๊กมีโอกาสไป ต้องไม่พลาดแวะไปเช็คอินกับเจ้าแพนด้าเลย!
เที่ยวป้อมปราการเกีย (Guia Fortress)
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ที่บริเวณฐานของป้อมปราการก็เป็นจุดที่ดีสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมาเก๊าและการทหารในอดีต การได้เยี่ยมชมห้องเก็บอุปกรณ์และห้องพักของทหารช่วยให้เข้าใจถึงชีวิตในสมัยก่อนจริงๆ ที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ยิ่งเพิ่มความสำคัญและความน่าสนใจให้กับสถานที่นี้อีกด้วย!