การเดินเรือสำราญในน่านน้ำของไทยเริ่มมีความนิยมมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงามและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เช่น ภูเก็ต กระบี่ และพัทยา สายการเดินเรือสำราญทั้งหลายเลือกที่จะทำเส้นทางผ่านไทยเพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับความงดงามของชายฝั่งไทย
การมาถึงของเรือสำราญแต่ละลำมักมีการวางแผนล่วงหน้า โดยต้องประสานงานกับท่าเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การจอดเรือและการบริการผู้โดยสารเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมนี้ เช่น การพัฒนาท่าเทียบเรือ การอำนวยความสะดวกสำหรับการขึ้นลงเรือ และการสร้างสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับนักท่องเที่ยว
เหตุผลที่ไทยได้รับความนิยมจากสายการเดินเรือสำราญ คือ ความหลากหลายของกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น การดำน้ำตื้น ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และอาหารทะเลสดๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้การมาเยือนของเรือสำราญในไทยเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
สรุปแล้ว การเข้ามาของสายการเดินเรือสำราญในน่านน้ำไทยไม่เพียงแค่เพิ่มทางเลือกในการท่องเที่ยว แต่ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการพัฒนาท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนะคะ!
การให้บริการเรือสำราญในไทยเริ่มมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในช่วง 30 กว่าปีที่ผ่านมา โดยในช่วงแรกนั้นมีเรือสำราญขนาดเล็กเข้ามาในฤดูกาลท่องเที่ยวเท่านั้น และมักจะเป็นลักษณะของการล่องเรือรอบโลก (World Cruise) มากกว่า เมื่อเวลาผ่านไป สายการเดินเรือ Star Cruises ซึ่งเป็นหนึ่งใน 18 สายการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เริ่มนำเรือสำราญเข้ามาแวะพักที่ท่าเรือในไทย โดยเริ่มต้นจากการล่องเรือในเส้นทางเดิมทุกสัปดาห์ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2543 ท่าเรือที่เป็นจุดหมายปลายทางหลักในช่วงนั้นได้แก่ ท่าเรือภูเก็ต และเกาะสมุย ต่อมาได้มีการขยายไปยังแหลมฉบัง
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ความนิยมในเส้นทางเดินเรือสำราญในแถบเอเชียก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น จนเกิดการให้บริการเรือสำราญในภูมิภาคนี้ตลอดทั้งปี ส่งผลให้ทั้งจำนวนเรือสำราญและนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไทย และสร้างโอกาสให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นในการเติบโตมากยิ่งขึ้น การเปิดเส้นทางใหม่และเพิ่มความหลากหลายของบริการไม่เพียงช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่ยังส่งเสริมให้ไทยกลายเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับการเดินเรือสำราญในระดับสากลอีกด้วยค่ะ!
แหลมฉบังตั้งอยู่ใกล้กับพัทยาและกรุงเทพฯ เป็นท่าเรือที่รองรับเรือสำราญนานาชาติ ขณะที่คลองเตยเป็นท่าเรือสำคัญในกรุงเทพฯ ที่รองรับเรือสำราญและนักท่องเที่ยว
ท่าเรือเหล่านี้จะเปิดให้บริการตลอดฤดูกาลท่องเที่ยวประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน รองรับทั้งสายเรือในภูมิภาคและสายเรือนานาชาติ ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว สายการเดินเรือจะมีเรือเข้ามาบ้าง แต่จะเป็นสายเรือในภูมิภาคเป็นส่วนใหญ่ และมักจะล่องในเส้นทางเดิมตลอดปี อย่างไรก็ตาม การให้บริการเรือสำราญในไทยยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคตค่ะ!
เครดิตภาพจาก:marinerthai.net
ตัวอย่างสายการเดินเรือที่เคยเลือกใช้ท่าเรือของไทยเป็นท่าเรือหลักคือ Princess Cruise ซึ่งเป็นสายเรือที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2508 และเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Carnival Industries ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเรือสำราญขนาดใหญ่ โดย Princess Cruise ได้เลือกท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือหลักในช่วงหนึ่ง แต่เมื่อมีปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมือง ก็ได้เลือกย้ายไปใช้ท่าเรือหลักที่สิงคโปร์แทน
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเมือง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดสายการเดินเรือให้กลับมาใช้ท่าเรือในไทยมากขึ้นในอนาคตค่ะ
อีกตัวอย่างคือ Star Cruises ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเกนติ้ง ฮ่องกง และเป็นผู้นำธุรกิจล่องเรือในน่านน้ำเอเชียแปซิฟิก มีเรือสำราญสุดหรู SuperStar Gemini ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ถึง 1,530 คน ซึ่งได้เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2560 เพื่อเปิดท่าเรือหลักที่แหลมฉบังเชื่อมกับสีหนุวิลล์ เกาะกง และเกาะสมุย การเข้ามาของสายการเดินเรือเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มทางเลือกในการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ต่างๆ ของไทยอีกด้วยค่ะ
เครดิตภาพจาก: cruisemapper.com
ปัจจุบัน ท่าเรือในไทยมีบทบาทหลักในการเป็นท่าเรือแวะพัก (Port of Call) มากกว่าการเป็นท่าเรือหลักสำหรับเรือสำราญ โดยสายการเดินเรือที่เข้ามาแวะพักในไทยมีจำนวนมาก เช่น เรือที่เข้ามาแวะพักที่ท่าเรือแหลมฉบัง ได้แก่ Queen Mary 2, Europa, Crystal Serenity, Diamond Princess, Sapphire Princess, TUI และ Holland America Line ms Westerdam ส่วนที่ท่าเรือภูเก็ตก็มีเรือในเครือ Royal Caribbean Cruises และ Dream Cruise ที่เข้ามาแวะพักเช่นกัน
ที่ท่าเรือกรุงเทพ เช่น Silver Shadow by Silversea, Azamara Quest Cruise และ Oceania Nautica by Oceania Cruises นอกจากนี้ ท่าเรือสมุยยังมี Costa Fortuna ที่เข้ามาแวะพักอีกด้วย การเป็นท่าเรือแวะพักช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทยและเปิดโอกาสให้เข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในแต่ละภูมิภาคได้อย่างหลากหลายค่ะ
เครดิตภาพจาก: theluxurycruisereview.com
ในปี พ.ศ. 2564-2565 มีสายเรือที่ทำการเดินเรือออกจากท่าเรือกรุงเทพทั้งหมด 3 ลำ ได้แก่ Crystal Symphony จากสายการเดินเรือ Crystal Cruises ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ที่รองรับผู้โดยสารได้ถึง 848 คน ที่ท่าเรือแหลมฉบัง มีสายเรือที่ทำการเดินเรือทั้งหมด 9 ลำ ประกอบด้วย Seven Seas Explorer สายเรือสุดหรูจาก Regent Seven Seas Cruises ที่สามารถจุผู้โดยสารได้ 750 คน และอีก 8 ลำเป็น Viking Orion จากสายการเดินเรือ Viking Ocean Cruises ซึ่งรองรับผู้โดยสารได้ถึง 930 คน ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมเรือสำราญในประเทศไทยในช่วงเวลานี้ค่ะ
เครดิตภาพจาก: maritime-connector.com
ตัวอย่างสายเรือที่เข้ามาดำเนินการผ่านตัวแทนในประเทศไทยคือ Royal Caribbean Cruises Thailand ซึ่งได้รับรางวัล Best Cruises Lines Overall ถึง 15 ปีซ้อน โดยมีเรือสำราญทั้งหมด 24 ลำ ให้บริการในหลายภูมิภาค เช่น อลาสก้า เอเชีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บาฮามาส เบอร์มิวด้า แคนาดา นิว อิงแลนด์ แคริบเบียน ยุโรป ฮาวาย เม็กซิโก คลองปานามา และอเมริกาใต้
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมเรือสำราญในทุกภูมิภาค รวมถึงเอเชีย กำลังเติบโตขึ้นอย่างน่าพอใจ แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเรือสำราญในเอเชียจะยังน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ แต่การเจริญเติบโตมีอัตราที่สูงขึ้น โดยจากข้อมูลของ PATA และ CLIA พบว่า อัตราการเติบโตจากปี 2553 ถึงปี 2557 เพิ่มขึ้นจาก 2.4% เป็น 4.4% ตามลำดับ
เหตุผลหลักที่ทำให้ธุรกิจเรือสำราญในเอเชียเติบโตสูงขึ้นคือ ความหลากหลายและความครอบคลุมของท่าเรือ สินค้าในแต่ละท่าเรือที่มีลักษณะเฉพาะ ฤดูกาลการล่องเรือที่สามารถทำได้ตลอดปี ความคุ้มค่าของเงิน และเส้นทางที่น่าสนใจ พร้อมกับระยะทางระหว่างท่าเรือที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้หลายสายการเดินเรือนำเรือเข้ามาวิ่งในแถบเอเชียมากขึ้นค่ะ
เครดิตภาพจาก: CLIA
ในปี 2562 มีเรือสำราญเข้ามาท่าเรือไทยทั้งหมด 550 ลำ ซึ่งแบ่งออกเป็นสามประเภท คือ การมาเพื่อแวะพัก (Transit) 427 ลำ, ค้างคืน (Overnight) 80 ลำ และมาเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายของทริป (Turnaround) 43 ลำ โดยท่าเรือที่มีเรือสำราญเข้ามาใช้บริการมากที่สุดคือ ท่าเรือป่าตอง ภูเก็ต ด้วยจำนวน 188 ลำ แบ่งเป็น แวะพัก 151 ลำ, ค้างคืน 15 ลำ, และ จุดเริ่มต้น/จุดสุดท้าย 22 ลำ
ท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพฯ ตามมาเป็นอันดับสองด้วยจำนวนรวม 147 ลำ โดยมีเรือแวะพัก 61 ลำ, ค้างคืน 65 ลำ, และ จุดเริ่มต้น/จุดสุดท้าย 21 ลำ ส่วนท่าเรือสมุย ท่าเรือพังงาเบย์ และท่าเรือเกาะห้อง มีจำนวนเรือสำราญเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวน 59, 29, และ 28 ลำ ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดเป็นการมาเพื่อแวะพัก ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2562 จำนวนเรือสำราญที่เข้ามาในไทยมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงในแต่ละปี แต่ภาพรวมยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แสดงให้เห็นว่าไทยมีศักยภาพในตลาดเรือสำราญที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
การเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 2557 ถึง 2562 ในตลาดเรือสำราญในเอเชียอยู่ที่ 14% ขณะที่เอเชียตะวันเฉียงใต้เติบโตที่ 7% ส่วนไทยมีอัตราการเติบโตที่สูงถึง 13% และคิดเป็นอัตราการเติบโตรวม (Total Growth) ที่ 88% การดึงดูดสายการเดินเรือให้เข้ามาในไทยไม่ใช่แค่การแข่งกับท่าเรืออื่น ๆ ในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างท่าเรือในภูมิภาคเพื่อสร้างความน่าสนใจในเส้นทางเดินเรือ โดยต้องพัฒนาท่าเรือให้เหมาะสมทั้งการสร้างใหม่และปรับปรุง เพื่อเปลี่ยนบทบาทจากท่าเรือแวะพักไปเป็นท่าเรือหลักของภูมิภาค หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน อุตสาหกรรมเรือสำราญในไทยก็จะเติบโตและดึงเม็ดเงินเข้าประเทศได้จำนวนมหาศาลแน่นอนค่ะ
อ้างอิง:
ฐานเศรษฐกิจ. (2560) รัฐดัน‘ไทย’ฮับเรือสำราญ สตาร์ครูซส์บูมแหลมฉบัง. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
https://www.thansettakij.com/index.php/content/137172
ดร.ไพฑูรย์ มนต์พานทอง (2558) การท่องเที่ยวเรือสำราญกับความท้าทายของประเทศไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.etatjournal.com/web/menu-read-tat/menu-2015/menu-42015/682-42015-cruise
Edtguide (2560). Costa Victoria วิกตอเรียเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง ครั้งแรกในเมืองไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://www.edtguide.com/news/455824/costa-victoria
Nuttachit (2562) วิเคราะห์การแข่งขันธุรกิจเรือสำราญ ที่มาพร้อมกับขุมทรัพย์ใหม่ในเอเชีย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://marketeeronline.co/archives/104104
P’ แพว AdmissionPremium (2561) แนวโน้มอุตสาหกรรมเรือสำราญทั่วโลก อนาคตสดใส!. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://www.admissionpremium.com/cruise/news/3506
Bernadette Chua. (2017) Costa Cruises will be homeporting the Costa Victoria in Laem Chabang port which is near the capital city of Bangkok. [Online]. retrieved from:
https://aseancruising.com/costa-cruises-homeport-ship-thailand/
CLIA (2019) 2019 Asia Cruise Deployment & Capacity Report [Online]. retrieved from:
https://cruising.org/-/media/research-updates/research/2019-asia-deployment-and-capacity—cruise-industry-report.pdf
Travelonline (2019). Cruises: Visiting Thailand in 2019. [Online]. retrieved from:
https://www.travelonline.com/cruises/search?region=thailand&page=8
(วันที่ค้นข้อมูล: 22 พฤศจิกายน 2562)