เมืองนูเรมเบิร์ก
คิดว่าใครที่ได้มาเยือน นูเรมเบิร์ก เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาวาเรียและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของแคว้น คงอดที่จะตกหลุมรักเมืองนี้มิได้ แน่นอนว่าเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ เพราะครั้งแรกที่ย่างเท้าเข้ามาในเมืองแห่งนี้ เรารู้สึกราวกับได้ก้าวเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย!
ความสวยงามน่าตื่นตะลึงของขุนเขา พระราชวัง บ้านเรือนสไตล์โรมัน ทางเดินแบบยุคกลาง และโบสถ์โบราณแสนสวย ทั้งหมดนี้สร้างบรรยากาศที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง นูเรมเบิร์กเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดใจและเป็นสถานที่ที่น่าไปเยือนอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ที่น่าประทับใจ!
วิหารเซนต์ ลอเรนซ์ (St. Lorenz kirche)
นอกจาก นูเรมเบิร์ก จะมีธรรมชาติที่สวยงามแล้ว สถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างของที่นี่ก็มีเอกลักษณ์ที่สวยงามไม่เป็นสองรองใครเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะทางเดินหินแบบยุคกลางที่ทอดยาวไปยังอาคารต่างๆ ที่แรกที่เราขอไปชื่นชมให้เห็นกับตาคือ วิหารเซนต์ลอเรนซ์ ตัวโบสถ์ดั้งเดิมถูกทำลายไปตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในปัจจุบันเราสามารถชมเวอร์ชั่นที่บูรณะขึ้นมาใหม่ได้ค่ะ การเข้าชมภายในโบสถ์ไม่เสียค่าเข้าชม เมื่อเข้าไปแล้ว เราจะเห็นการตกแต่งในลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบยุคกลางที่ให้ความขลังและสง่างาม
เมื่อออกมาจากโบสถ์ เราจะพบกับน้ำพุแห่งความดีงาม (Tugendbrunnen) ที่ตั้งอยู่ข้างโบสถ์ โดยบนสุดของน้ำพุประดับด้วยรูปปั้นเทพีแห่งความยุติธรรม มือซ้ายถือดาชั่ง มือขวาถือดาบ และมีการปิดตา ซึ่งเป็นภาพที่เรามักเห็นตามจตุรัสต่างๆ ในยุโรป นอกจากนี้ ที่ฐานน้ำพุด้านล่างยังมีรูปปั้นเทพีอีก 7 องค์ ที่มีน้ำพุพ่นออกมาจากหน้าอก ทำให้เป็นจุดเด่นที่น่าประทับใจและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวอีกด้วยค่ะ!
นอกจาก นูเรมเบิร์ก จะมีธรรมชาติที่สวยงามแล้ว สถาปัตยกรรมของที่นี่ยังมีเอกลักษณ์ที่สวยงามไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะทางเดินหินแบบยุคกลางที่ทอดยาวไปยังอาคารต่างๆ เราขอเริ่มต้นการเยี่ยมชมที่ วิหารเซนต์ลอเรนซ์ ซึ่งโบสถ์ดั้งเดิมถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในปัจจุบัน เราสามารถชมเวอร์ชั่นที่บูรณะขึ้นมาใหม่ได้ค่ะ การเข้าชมภายในโบสถ์ไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อเข้าไปแล้ว จะเห็นการตกแต่งในลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบยุคกลางที่มอบความขลังและสง่างาม
เมื่อออกมาจากโบสถ์ เราจะพบกับ น้ำพุแห่งความดีงาม (Tugendbrunnen) ที่ตั้งอยู่ข้างโบสถ์ บนสุดประดับด้วยรูปปั้นเทพีแห่งความยุติธรรม มือซ้ายถือดาชั่ง มือขวาถือดาบ และมีการปิดตา ซึ่งเป็นภาพที่เรามักเห็นตามจตุรัสต่างๆ ในยุโรป ที่น่าสนใจคือ ที่ฐานน้ำพุด้านล่างยังมีรูปปั้นเทพีอีก 7 องค์ ที่มีน้ำพุพ่นออกมาจากหน้าอก ทำให้ที่นี่เป็นจุดเด่นที่น่าประทับใจและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวอย่างมากค่ะ!
ขอบคุณภาพจาก http://www.all-free-photos.com/images/villes-allemagne/PI44021-hr.jpg
คฤหาสถ์ขุนนางนัสเซา (Nassau House)
หนึ่งในตัวอย่างบ้านขุนนางชั้นสูง สมัยยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ด้านนอกตกแต่งดูเป็นเหมือนป้อมปราการค่ะ
ตลาดคริสท์คินเดิล (Hauptmarkt)
เมื่อเราเดินไปตาม Koning Strasse เรื่อยๆ จะผ่านมิวเซียมและรูปปั้นต่างๆ จนกระทั่งถึงแยกแล้วเลี้ยวขวา เราก็จะพบกับ Hauptmarkt ซึ่งตั้งอยู่เบื้องหน้า เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ที่นี่จะเต็มไปด้วยของตกแต่งและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลมากมาย ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา
แม้ว่าเราจะไม่ได้มาในช่วงเทศกาล แต่ Hauptmarkt ก็ยังมีอะไรให้สำรวจอีกมากมาย นอกจากสินค้าทางการเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ และดอกไม้หลากหลายชนิด ที่วางขายให้เราได้เดินชมแบบชิลล์ๆ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ Frauenkirche โบสถ์สำคัญที่สวยงาม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชมเมืองนูเรมเบิร์กค่ะ!
โบสถ์เฟราเอน (Frauenkirche)
โบสถ์ Frauenkirche หรือที่เรียกว่า โบสถ์แม่พระ เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ใช้เวลาในการก่อสร้างถึงสิบปี และกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองนูเรมเบิร์ก จุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนที่นี่ก็คือ หอนาฬิกา ที่ตั้งอยู่บริเวณยอดแหลมของโบสถ์
ทุกวันเวลาเที่ยงตรง เมื่อเสียงนาฬิกาดังขึ้น ตุ๊กตาจะออกมาเต้นระบำอย่างมีชีวิตชีวา ถือเป็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนั้นยังมีหุ่นจักรพรรดิและบริวารที่มาเล่นดนตรีขับกล่อมอยู่ข้างๆ สร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหลและทำให้รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกแห่งประวัติศาสตร์ เมื่อเราไปถึงก็โชคดีมากที่ได้เห็นตุ๊กตาเต้นระบำพอดีเลยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีบ้านของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ Albrecht Durer จิตกรและนักคณิตศาสตร์ที่โด่งดัง ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ของ Northern Renaissance เป็น timber-frame house เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานของท่านค่ะ
